Networking Animation
1.no network - คือการส่งข้อมูลแบบง่ายมีเพียงuser computer และ printer เท่านั้นโดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล แบบมือต่อมือ ไม่มีการเชื่อมต่อสู่internet
2. Hub - คอมพิวเตอร์ที่เป็นตัวส่งข้อมูลจะระบุแอสแดรสของเครื่องที่รับข้อมูล แล้วส่งผ่าน Hub เป็นตัวกระจายข้อมูล Hub จะส่งข้อมูลไปยังผู้รับคนอื่นด้วยโดยที่แอดเดรสตรงกับเครื่องไหนก็จะรับ ข้อมูลแล้วจัดเก็บ ส่วนแอดเดรสไม่ตรงกับเครื่องก็จะ Delete ทิ้ง
3. Swicth - เป็นการอาศัยทั้ง Address และ Port Number ในการส่งข้อมูล โดยการส่งข้อมูลจะสำเร็จก็ต่อเมื่อมีPort Number และ Addressที่ตรงกันเท่านั้น
4.Swicth Network With No Server - ภาพ
เคลื่อนไหวนี้แสดงส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์
และเครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อในเครือข่ายโดยสวิทซ์
โดยผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น
แต่เครือข่ายทั้งหมดนี้ไม่มีแม่ข่ายทำให้ไม่สามารถเก็บรักษาข้อมูลได้
5.Swicth Network With Server - เมื่อส่งข้อมูลใฟ้แก่ User โดยผ่าน Server แล้ว Server ก็จะส่งไปให้ผู้รับแต่ละเครื่องตาม Address และเมื่อเราเลิกใช้แล้ว และเรากลับมาใช้อีกครั้ง Server ก็จะยังส่งข้อมูลให้เราและเปิดได้
6.Adding Switch - เป็นการส่งข้อมูลหลายๆ ข้อมูลในหลาย ๆ ด้านโดยใช้ Swicth , Server และ Printer เป็นตัวเชื่อมจุดแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ
7.ARP - คือการอาศัย MAC Address และ IP Address ในการส่งข้อมูล โดยอาศัย Router ในการหา IP และ MAC
8. ARp with Multiple Networks - จะใช้ Router ในการส่งข้อมูลข้าม LAN นะหว่าง LAN1 กับ LAN2 โดยผ่าน Router
9. DHCP - เป็นการส่งข้อมูลโดยคอมพิวเตอร์ที่ส่งไปให้กับUser คนอื่น ๆ และยังส่งไปให้กับ DHCP server โดยผ่าน Relay agentส่งไปยัง DHCP server แล้ว DHCP server จะค้นหา IP Address แล้วส่งกลับคืนยังเครื่องผู้ส่ง
10. Router and Forwording - ส่งข้อมูลโดยอาศัย Router หลายตัว โดย Router จะมี IP ของเครื่องต่าวในช่วงระยะที่จำกัด แล้วหา IP ระหว่างนั้นแล้วก็ส่งไปตาม IP นั้นๆเป็นลำดับ
11. IP Subnets - การส่งข้อมูล โดยเครื่องส่งจะส่งไปให้ยังเครื่องที่ต้องการรับโดยผ่าน swicth แล้วเครื่องที่ได้รับจะส่งข้อมูลไปยังเครื่องรับอีกกลุ่มหนึ่ง โดยผ่านทาง Router ไปยังเครื่องที่ต้องการส่ง
12 TCP Connections - ส่งข้อมูลโดยเครื่องที่ส่งจะระบุ TCP ที่ชื่อว่า SYN พร้อม IP ไปยังเครื่อง Server โดยผ่าน Router ต่าง ๆ แล้วเมื่อ server ได้รับก็จะส่ง TCP ที่ชื่อว่า SYN+ACK พร้อม IP กลับไปยังเครื่องนั้นจะส่ง TCP ที่ชื่อว่า ACK กลับไปยัง server
13. TCP Multiplexing - เครื่องที่ต้องการส่งจะต้องระบุ Destination Port (Http) และ Sort Port และต้องระบุ Destination Port (ftp) และ Sort Port และ Destination IP และ Source IP เช่นกัน แล้วจะส่งไปยัง server แล้ว server จะตรวจสอบ Http หรือ ftp แล้วจะส่งกลับ
14. TCP Buffering and Sequencing - การส่งข้อมูลทีละน้อยโดยอาศัย Sequencing ในการส่งและรับจนกว่าจะครบตามความไวของ Internet
15. User Datagram Protocol(UDP) - จะต้องระบุ Distination port (tftp) และ sort port(tftp client) ใน UDP Header และใส่ Distnation port และ Sort port ของ Vioce over IP ด้วยการส่งผ่าน Router หลาย ๆ ตัวและ server จะตรวจสอบ และเครื่องที่ส่งเรื่อย ๆ เมื่อ server ทำหยุดการทำงานข้อมูลที่ส่งไปก็จะถูกลบทิ้งและไม่สามารถจัดเก็บได้
16. IP Fragmentation - เมื่อส่งจะระบุ Ident , Flag , offset โดยจะส่งไปทีละส่วน ไปยังเครื่อง server โดย MTU ต้องอยู่ระหว่าง 576 - 1500 byte นอกเหนือจากนี้จะถูกลบทิ้ง
17. Swicth Congesion - แล้วจะส่งไปเป็นลำดับและระยะห่างที่เท่ากันโดยอาศัย Buffer เป็นตัวแบ่งในกรณีที่ข้อมูลที่ต้องการส่งเกิน Buffer ข้อมูลก็จะถูกทำลายทันที
18. TCP Flow Control - ใช้ Buffer ในการส่งโดยมีความไวระหว่าง 2000 byte ในการส่งทีละไม่เกิน 2000 byte
19. Internet Access - เมื่อผู้ใช้ใช้ Internet และการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน และเมื่อเราใช้ Internet ในการเข้า Website เครื่องก็จะส่งไปยัง Server ของ web นั้นโดยผ่าน Router หลายตัวแล้ว server นั้นจะส่งสัญญาณกลับมายังเครื่องและจะปรากฏปัญหา หรือหน้าเว็บ
20. Email Protocols - จะต้องระบุ E - mail Address ของผู้รับในการส่งแล้วจะส่งไปยัง server แล้ว server จะส่งไปให้ผู้รับในเวลาต่อไป
21. Wireless Network and Multple access with collision avoidance - เป็นการทำงานแบบเป็นกลุ่ม ๆ ในพื่นที่ใกล้เคียงกัน
22. Virtual Private Network - เป็นการทำงานบนเครือข่ายสาธารณะ จะมีการส่งข้อมูลรูปแบบแพ็กเก็ตมาที่เครือข่าย Internet โดยต้องระบุรหัสข้อมูลก่อนส่ง เพื่อความปลอดภัย โดยเข้าไปใน Tunneling เพื่อป้องกันการบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง สามารถอ่านข้อมูลได้ มีเพียงผู้รับเท่านั้นที่สามารถอ่านและนำไปใช้ได้
23. Public Key Encryption - เป็นการเข้ารหัสข้อมูลโดยมีรหัสสองรหัสคือ Public Key และ Private Key เป็นรหัสโดยใช้ Public Key สองรหัสจะต้องคู่กันเสมอ การเข้าข้อมูล จะนำข้อมูลดิบมาเข้ารหัสโดยใช้ Public Key เป็นรหัสลับมาถอดข้อมูลและผู้รับจะใช้ Private Key ถอดรหัส
24. Firewalls - ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่องค์การต่าง ๆ มีไว้เพื่อป้องกันเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรจากอันตรายที่มาจากเครือ ข่ายคอมพิวเตอร์ภายนอก จะให้เฉพาะข้อมูลที่มีลักษณะที่กำหนดไว้ที่จะสามารถเข้าออกระบบเครือข่ายได้
25. Stop and wait ARQ - ผู้ส่งจะส่งข้อมูลชุดแรกไปแล้วรอผลถ้าผู้รับได้รับข้อมูลแล้วไม่ผิดพลาดจะ ตอบว่า ACK พอได้รับคำตอบแล้วว่าถูกต้องก็จะส่งข้อมูลตัวต่อไป แต่ถ้าเจอข้อมูลที่ผิดพลาดก็จะตอบว่า ACK และผู้ส่งก็จะต้องส่งข้อมูลชุดเดิมไปใหม่
26. Go-Back-N ARQ - จะส่งข้อมูลเป็นชุด ชุดละสาม แล้ว Router จะส่ง ACK กลับมาแล้วให้ผู้ส่ง แล้วผู้ส่งจะส่งข้อมูลชุดต่อไป เมื่อเกิน Timout ข้อมูลที่ส่งไปจะถูกทำลายเมื่อตัวแรกส่งไปไม่ได้ก็จะถูกทำลายทั้งชุด Router จะแจ้งผลแล้วผู้รับก็จะส่งข้อมูลมาใหม่
27. Selective Repeat ARQ - เป็นการส่งทีละชุด โดยแต่ละชุดจะมี 3 frame โดยแต่ละ frame ก็จะมีเวลาของแต่ละ frame ทั้ง 3 frame จึงไม่เท่ากัน และจะมีเวลา Timeout ที่ไม่เท่ากัน โดยเมื่อส่ง frame แรกก็ไม่ต้องรอ ACK จาก Router ที่ส่งกลับมาก็สามารถส่ง frame ที่ 2 ได้เลย แต่เมื่อ frame ใดส่งไม่ทันเวลา หรือ Timeout ก็จะถูกทำลาย
28. The OSI Model - เป็นการสื่อสารระหว่าง 2 ระบบ ระบบจะเปิดการติดต่อสื่อสารในเค้าโครงสำหรับออกแบบระบบเครือข่าย จะอนุญาตให้เมื่อสารเข้ามาในรูปแบบของระบบคอมพิวเตอร์แยกเป็น 7 ชั้น
29. Peer-to-Peer(P2P) Computer Network - เป็นเซิร์ฟเวอร์ในเครือข่าย Computer P2P ทุก peers เท่ากับเครื่องใช้คอมพิวเตอร์ในแต่ละหน้าที่ พร้อมกันเป็น ลูกค้าและเซริฟเวอร์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น